สรีระและโรคบางชนิดของผู้หญิงและผู้ชาย มีอัตราการเกิดที่แตกต่างกัน ดังนั้นการตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงาน จะมีบางรายการที่จะต้องมีโปรแกรมการตรวจที่ต่างกันออกไป ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้ จะพาไปไขข้อข้องใจพร้อม ๆ กับแนะนำวิธีการเตรียมตัวก่อนการตรวจสุขภาพ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับแพทย์ในการวินิจฉัยได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
การตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงาน มีข้อดีอย่างไร
สาเหตุที่หลายองค์กรให้ความสำคัญในการตรวจสุขภาพของพนักงาน ก่อนที่จะกลายมาเป็นบุคลากรในบริษัทนั้น ก็เพื่อต้องการสร้างความมั่นใจว่า บุคคลนั้น ๆ จะสามารถรับมือกับลักษณะการทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมทั้งมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง
การตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงาน ระหว่างผู้ชายและผู้หญิง แตกต่างกันอย่างไร
โดยทั่วไปแล้วการตรวจร่างกายระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย มีโปรแกรมการตรวจที่เป็นไปในลักษณะเดียวกัน แต่จะมีเพียงบางรายการเท่านั้น ที่จะมีการตรวจแยกออกมา ดังต่อไปนี้
1. ผู้หญิง
- การตรวจภายใน เพื่อตรวจหาความผิดปกติ และสัญญาณของโรคมะเร็งปากมดลูก โดยทำการเก็บตัวอย่างจากช่องคลอด
- ตรวจเต้านม เพื่อตรวจหาความผิดปกติของก้อนเนื้อ ที่เป็นสัญญานของโรคมะเร็งเต้านม
2. ผู้ชาย
- ตรวจคัดกรองลมโป่งพอง โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติการสูบบุหรี่ ที่จะต้องได้รับการตรวจผ่านการอัลตราซาวด์หรือเอ็กซเรย์
- ตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งค่าเฉลี่ยจะพบในผู้ชายที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป โดยจะทำการตรวจด้วยกันเจาะเลือดเพื่อหาสารพีเอสเอ และตรวจด้วยการคลำด้วยนิ้วมือหรืออัลตร้าซาวด์
ขั้นตอนในการเตรียมตัวเพื่อตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงาน
1. ประวัติการรักษา ในกรณีที่ผู้ที่จะทำการตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงาน มีประวัติการแพ้ยา แพ้อาหาร จะต้องมีเอกสารนำไปใช้ในการยืนยันกับแพทย์ เพื่อประกอบการวินิจฉัย รวมไปถึงกิจกรรมที่จะส่งผลต่อความคลาดเคลื่อนของผลการตรวจ เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การออกกำลังกาย การใช้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ปัญหาความผิดปกติภายในร่างกาย เป็นต้น หรือทางที่ดีควรงดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อความดันโลหิต
2. การซักถาม แนวทางเพื่อขอคำแนะนำจากแพทย์ เพื่อดูแลตัวเองต่อไปหลังจากการตรวจสุขภาพ เช่น ประวัติ หรือโรคที่มีโอกาสจะเป็น และการดูแลรักษาสุขภาพเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งเป็นข้อมูลในส่วนที่จะช่วยทำให้ตระหนักเห็นถึงความสำคัญของสุขภาพร่างกาย
ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า จำเป็นที่จะต้องได้รับการตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงาน เพื่อความมั่นใจของคนในองค์กร และที่สำคัญยังทำให้เราทราบด้วยว่ามีความผิดปกติใดบ้างเกิดขึ้นในร่างกาย ถ้าหากมีผลกระทบต่อสุขภาพอย่างรุนแรง ก็จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการรักษาอย่างเหมาะสม